สถานที่ท่องเที่ยว
วัดหัวโขน
วัดหัวโขน โบราณสถานขนาดใหญ่ บนเนินเขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีฆณฑปผนังทึบ ๓ด้าน เชื่อมกับวิหารก่อด้วยศิลาแลง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ตรงกลาง เป็นประธาน มุมผนังทั้ง ๒ ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปนูนสูง รูปพระสาวก ๔องค์ ปัจจุบันเหลืออยู่ ๓ องค์ ด้านหลังฆณฑป มีเจดีย์ทรงกลมก่อด้วยศิลาแลง มีซุ้มพระทั้ง ๔ ด้าน เดิมทรงเจดีย์อาจเป็นทรงดอกบัวตูมมาก่อนและถูกปฏิสังขรณ์ต่อมา จากการขุดแต่งพบ พระรัตนตรัยมหายาน ลักษณะพิมพ์ตรงกลางมีพระพุทธรูปนาคปรก ด้านขวามีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ด้านซ้ายมีนางปัญญาบารมีหรือนางปรัชญาปารมิตาหอบลมป่าที่วัดหัวโขน      วัดหัวโขน ติดกับชายป่านอกกำเเพงเมืองศรีสัชนาลัยทางทิศเหนือประมาณ400เมตร เป็นวัดที่มีชื่อเเปลกอีกวัดหนึ่ง ชื่อวัดศรีสัชนาลัยส่วนใหญ่เรียกตามภูมิที่เห็น เช่น วัดเจดีย์เอน วัดช้างล้อม เเต่กลับไม่ปรากฎหลักฐานการค้นพบหรือมีหัวโขนตามชื่อวัด ที่วิหารก่อด้วยศิลาเเลง ในมณประดิษฐานพระพุทธรูปปรางค์ประทานอภัย มีพระอรหันต์สาวกยืนประนมมือทั้งด้านซ้ายเเละด้านขวาบนผนัง มีร่องรอยของการลงสีเเดงชาด ด้านหน้าของมณฑปเป็นวิหารเจาะช่องเเสงได้รับอิธิพลการสร้างเเบบขอม ด้านหลังของมณฑปเป็นเจดีย์ประธาน ที่มีฐานเขียงสี่เหลี่ยมเเละมีบันไดด้านหน้า เเบบฐานเขียงของเจดีย์ทรงดอกบัวตูม บนชั้นถัดขึ้นไปเป็นฐานกลมเหมือนเจดีย์ทรงระฆัง มุมที่ผนังทั้งสองด้านประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นนูนสูงรูปพระสาวกจำนาน6องค์ ปัจจุบันเหลือเพียง3องค์ เจดีย์ประธานทรงกลมมีซุ้มทั้ง4ด้าน เจดีย์ประธานองค์ก่อด้วยศิลาเเลง เดิมอาจจะเป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูม เเล้วจึงปฏิสังขรณ์ให้เป็นเจดีย์ทรงกลม ที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นคือมณฑปพระอัฏฐารสที่อยู่ท้ายวิหาร เมื่อครั้งยังไม่มีการบูรณะ ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ชาวบ้านเล่าว่า วัดในเมืองศรีสัชนาลัยส่วนมากมีบรรดาผู้ลักลอบขุดสมบัติภายในวัดโบราณผู้ลักลอบขุดสมบัติเหล่านี้มีวิธีสังเกตว่าสมบัติของวัดอยู่ที่ใด ให้ดูที่จุดตกของสายตาพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานว่ามุมสายตาตกลงตำเเหน่งที่ใด ตำเเหน่งส่วนมากจะเป็นที่ซ่อนกรุสมบัติ หากเเต่เมื่อเริ่มขุดได้ไม่นานท้องฟ้ากลับมืดครึ้ม เกิดพายุกระหน่ำ ฟ้าผ่าลงมาอย่างอัศจรรย์ใจ สายตาของพระประธานที่มองมายังตำเเหน่งที่มีการขุดนั้นก็ปิดตาลง ทำให้บรรดาเหล่านักขุดต่างเกรงกลัววิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เเละจับไข้หัวโกร๋นไปตามๆกัน ชาวบ้านบางคนเชื่อว่า การจัดงานรื่นเริงนั้นมักจัดอยู่นอกกำเเพงเมือง วัดหัวโขนนั้นน่าจะเป็นสถานที่ๆใช้จัดงานรื่นเริง โขน ลิเก ระบำรำฟ้อนนั่นเอง ชาวบ้านยังเชื่อว่า พระเสื้อวัดชอบงานรื่นเริงการระบำรำฟ้อน ต่อมาจึงเรียกว่า วัดหัวโขนมาตลอด ส่วนจะจริงเท็จอย่างไรนั้นก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจน่าศึกษาอยู่ไม่น้อย